วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สงครามความรัก

บทความนี้เป็นเรื่องสั้นที่เขียนลงในเพจ The Diary แบบ 4 ภาพ ภาพละตอน (4 ตอนจบ) ซึ่งถูกเผยแพร่ไปบ้างในกลุ่มเพื่อนพี่น้องในโลก FB (เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา)

เรื่องราวได้แรงบันดาลใจจากการเดินทางไปเยือนเมืองอุ้มผาง เมืองกลางป่าที่ผมหลงใหล
วันนี้ผมกลับเข้าไปอ่าน เข้าไปพิจารณา ผมพบว่าผมรักมันนะ "เรื่องไร้สาระในช่วงเวลาที่ไร้สาระ" 




สงครามความรัก ตอน 1
เช้าตรู่สู่รุ่งสาง เหตุเกิดกลางไพรในเสน่หา

ม่านหมอกก่อการณ์ดีด้วยวางแผนโจมตีผืนป่า
ไม่มีการเจรจาใดๆ ล่วงหน้า มันคืบคลานเข้ามาราวอสูรกายหลายรอยยิ้ม
ไม่นานนัก ป่าสุดที่รักตกอยู่ในอ้อมกอด กอดกันอยู่ในอ้อมใจ
เสียงผืนป่ากระชิบ "กอดฉันไว้ อย่าจากไปไหนนะ"
ป่ากระซิบทั้งๆ ที่รู้ว่าเวลาแห่งการจากลาใกล้เข้ามา
เมื่อตะวันโผล่พ้นสันเขา สาดแสงสู่แผ่นดิน ถึงเวลานั้นสายหมอกลอยฟุ้ง กระจายตัวไปในอากาศ อ้อมกอดคลาย คงเหลือเพียงสัมผัสรู้สึก..รู้สึกถึงสัมผัส


ความรักไม่เคยจางไปจากใจป่า
ศรัทธาไม่เคยจางไปจากใจโจร
หมอกกับไม้
หัวใจกับหัวใจ
ตลอดกาล นานตลอดไป




สงครามความรัก ตอน 2
เช้าตรู่สู่รุ่งสาย เหตุเกิดกลางไพรในคราวแค้น

ตะวันเคลื่อนเลื่อนตัวเหนือสันเขา
แสงเงาทอดทาบแผ่นดินถิ่นพฤกษา
เสียงป่าบอกหมอกให้ระวังสุริยา
เสียงตื่นกลัวจากเมฆาร้องระงม
ก่อนหมอกจางไป แสงส่งเสียงนาบนุ่ม..ทุ้มอารมณ์
"เจ้าจะกลัวข้าไปทำไม เจ้าหนาวมาทั้งคืน พอเจ้าตื่น..ข้ามอบความอบอุ่นให้ ไม่พอใจหรอกหรือ" ประโยคแรกเขาบอกป่า ประโยคต่อมาเขาบอกม่านหมอก

"เจ้ารักป่าข้ารู้ เจ้าสมสู่กันมาทั้งคืนข้าเห็น ถึงเวลาของตะวันบ้างทำไมต้องหวาดหวั่น หรือเจ้าเห็นแก่ตัวจนมิอาจจากนางไป"

หมอกไม่ตอบคำ สลายไปตามบทวิถี
ป่าก้มหน้าซ่อนยิ้ม คิดในใจเพียงลำพังว่า..ทิวาแห่งความสุขกำลังเริ่มต้น ความอบอุ่นเยื้องกายมา ขอเพียงอย่ามีฝนก็แล้วกัน





สงคราวความรัก ตอน 3

เช้าตรู่สู่ร่งบ่าย เหตุเกิดกลางไพรในอบอ้าว

ตะวันแอบแค้นเคืองสายหมอก แต่มันหลงรักป่า หลายครั้งหลงคิดว่าป่าเป็นของตะวันเพียงผู้เดียว มันไม่ได้คิดผิดแผกไปจากหมอก..เหมือนม่านหมอกพยายามปกคลุมผืนป่ายามเช้า เหมือนภาพขุนเขาซ่อนตัวอยู่ใต้ปีกหมอกขาวขุ่น

วันนี้ตะวันหมั่นไส้ป่า..เธอทำมารยาอิงแอบแนบชิดม่านหมอกเนิ่นนานเกินไป หลงลืมว่าสุริยารออยู่ วันนี้จึงหาเรื่องให้ป่าร้อน ส่งแสงแดดแผดเผาราวให้เรือนร่างพันธุ์ไม้ละลายไปกับความโกรธเคือง

แต่แสงแกล้งเธอได้ไม่นาน เสียงฟ้าคำรณเสียงฝนคำราม เมฆดำก่อตัว ฟ้าเริ่มมืดมัวด้วยกลุ่มเมฆสีเทาหม่น
ไม่นาน..สายฝนหล่นลงมา สายฟ้าส่งประกาย แสงแดดหนีหาย หมู่ไม้เริงระบำ

ฝนโอบอาบ ป่าซาบซึ้ง เฝ้ารำพึงถึงความเย็นซ่านผ่านกาบเปลือก ฝนยะเยือกไหลเซาะเลาะรอยร่อง ผ่านท่วงทำนองเพลงใบไม้ เสียวซ่านกาย กอดก่ายมนต์มายามิรู้เบื่อ

กว่าตะวันจะรู้ว่าฝนกับแมกไม้โอนถ่ายความรักกันอย่างไร ราตรีเฉิดฉายร่ายร่างเข้าครอบครอง หมดเวลาของตะวัน หมดวันของพิรุณ

"หลับเถิดป่า จันทราจะขับกล่อมเอง" เสียงดาวเถื่อนกระซิบป่าชื้นในช่วงเม็ดฝนยังไม่ระเหยหาย พันธุ์พฤกษบิดเรือนกาย..แสร้งเอียงอายพอเป็นพิธี



สงครามความรัก ตอน 4 (จบ)
เช้าตรู่สู่รุ่งวันใหม่ เหตุเกิดกลางไพรในความเข้าใจ

ฝูงนกบินออกจากป่า ออกไปหากินตามปกติ
พวกมันบินจากป่าหนึ่ง..สู่ป่าหนึ่ง เจ้าตัวเล็กบินอยู่ท้ายสุดเร่งความเร็วขึ้นมาเคียงข้างแม่ มันเอ่ยปากบอกกล่าวเรื่องบางอย่าง
"แม่ครับ วันนี้ป่าสวย หมอกงาม อากาศดี ด้านหน้าโน้นมีฝนตกลงมาเบาๆ ถ้าเป็นอย่างนี้ทุกวันก็ดีซิครับแม่"

แม่นกหันมามอง แล้วบอกลูกน้อยว่า"ป่าไม่มีอะไรแน่ แม่เคยเห็นความเปลี่ยนแปลงมามากแล้ว พายุกระหน่ำ ซ้ำด้วยน้ำป่า บางกาลเวลาป่าแห้งแล้งร้าย น้ำซึมแทรกทราย แม้ควายยังไม่มีน้ำกิน"

"แล้ววันนี้........." เจ้าตัวเล็กเอ่ยถามไม่ทันจบประโยค แม่นกชิงตอบ

"เมื่อวาน...ฝน หมอก แดด ดวงดารา แวะเวียนมาหาป่า มาโอบกอดพลอดรัก สุดท้ายตกลงกันว่าจะรักป่าเท่าๆ กัน เกื้อหนุนจุนเจือกัน ถึงวันหนึ่งป่าท้องต้องมีครรภ์ คลอดลูกออกหลาน ป่าเบิกบานกว้างใหญ่ ถึงวันนั้นต้นไม้ในพงไพรจะโลมไล้ให้โลกเย็น"

เจ้าตัวเล็กพยักหน้า ขยับปีกบินข้ามป่า บินไปในท้องนภา บินตามแม่ไป
..............................

พายุทราย พรายทะเล
#โรคไร้สาระ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น